ประเทศไทยมีเป้าหมายในการพัฒนาประเทศให้เกิดความมั่นคงโดยใช้ยุทธศาสตร์หลากหลายให้เท่าทันกับบริบทที่มีการเปลี่ยนแปลง เห็นได้จากการออกกฎหมายและการตั้งหน่วยงานสำคัญ รวมถึงทิศทาง ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่มีการพัฒนาต่อเนื่อง ตั้งแต่ฉบับที่ 1 จนถึงปัจจุบันเกิดการการปฏิรูประบบวิจัยและนวัตกรรมครั้งใหญ่ (พ.ศ. 2559 ถึง 2561) ที่นับว่าเป็นการบูรณาการ ร่วมกันจากทุกภาคส่วนและครบทุกมิติ มีความชัดเจน และมีผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจากข้อสั่งการนี้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และระบบการวิจัยและ พัฒนา มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปัจจุบันนี้ไม่เคยมีมาก่อน แต่การตอบสนองของโลกนั้นได้ดึงเอาบทเรียนที่ได้รับจากการระบาดของโรคต่างๆ ในหลายทศวรรษที่ผ่านมา ในฐานะส่วนหนึ่งของ การตอบสนองของ WHO แผน R&D Blueprint ได้ถูกเปิดใช้งานเพื่อเร่งการวินิจฉัย วัคซีน และการรักษาสำหรับ coronavirus ชนิดใหม่นี้ แผนนี้มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงการประสานงานระหว่าง นักวิทยาศาสตร์และมืออาชีพด้านสุขภาพทั่วโลก เร่งกระบวนการวิจัยและพัฒนา และพัฒนามาตรฐานใหม่เพื่อเรียนรู้และปรับปรุงการตอบสนองทั่วโลกใน วันที่ 30 มกราคม 2563 ตามคำแนะนำของคณะกรรมการฉุกเฉิน ผู้อำนวยการ WHO ประกาศว่าการระบาดนี้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของนานาชาติ (PHEIC)นักวิทยาศาสตร์จาก ทั่วโลกเกี่ยวกับ COVID-19 จึงได้พบกันที่สำนักงานใหญ่ขององค์การอนามัยโลกที่เจนีวาในวันที่ 11-12 กุมภาพันธ์ 2563 เพื่อประเมินระดับ

วัคซีนเป็นเครื่องมือสำคัญในการตอบสนองต่อการระบาดของโควิด 19 และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤต ประเทศไทยจึงให้ความสำคัญกับการเข้าถึงวัคซีนโควิด 19 แก่ประชาชนที่ อาศัยบนผืนแผ่นดินไทย โดยเน้นยุทธศาสตร์สำคัญ 2 ด้าน คือ 1) การวิจัยและพัฒนาวัคซีนในประเทศ รวมถึงการรับถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อผลิตวัคซีนในประเทศ 2) การจัดซื้อจัดหาวัคซีน ทั้งนี้เพื่อบรรลุ เป้าหมายสำคัญคือ เพื่อให้คนไทยมีโอกาสเข้าถึงวัคซีนโควิด 19 ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ในเวลาใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆ